การขัดเงาแม่พิมพ์เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งจากมูลค่าของงานที่ต้องการขัดเงา และเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพของงานที่ผลิตจากแม่พิมพ์ การที่จะขัดเงาแม่พิมพ์ให้ได้คุณภาพที่ดีนั้น นอกจากทักษะความชำนาญของช่างขัดเงาแล้ว การเลือกใช้หินขัดและอุปกรณ์ที่ใช้ก็ส่งผลต่อผิวงานที่ได้เป็นอย่างมาก

หินขัดที่ดีจะต้องสามารถรักษาความคมของเม็ดหินขัดได้นาน หรือสร้างความคมได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อคมตัดเกิดความทื่อหรือประสิทธิภาพการขัดเงาลดลง เพื่อให้การขัดเงาดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง การอุดตัดของเศษที่หน้าหินจากเศษตัดหรือสิ่งสกปรกต้องเกิดได้ยาก ความพรุนของหินขัดต้องดี ซึ่งจะช่วยให้การระบายอากาศออกจากผิวขัดผ่านตัวหินออกสู่ภายนอกได้ และไม่ทำให้เกิดฟองอากาศตกค้างในผิวหน้าหินขัด เพราะจะทำให้คุณภาพผิวที่ได้ไม่สม่ำเสมอ

เคล็ดลับการเลือกใช้หินขัดเงาแม่พิมพ์ได้อย่างถูกต้อง

1. การเลือกใช้หินขัดแม่พิมพ์
2. ประเภทของเม็ดหินขัดที่นิยมใช้ในการขัดเงา
3. การเลือกใช้หินขัดเงาตามประเภทของงาน
4. วัสดุประสานของหิน (Bonding)
5. โครงสร้างความแข็งของหินขัด
6. ชนิดของวัสดุงานที่เหมาะกับหินขัดแต่ละประเภท
7. น้ำยาขัดเงาแม่พิมพ์

1. การเลือกใช้หินขัดแม่พิพม์

ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้

1.1 วัสดุของแม่พิมพ์นั้นมีความหลากหลาย ทั้งระดับความแข็ง ความเหนียว เศษวัสดุในการเกาะติดเม็ดหิน และความสะอาดของเนื้อวัสดุงานเอง ปัจจัยต่าง ๆ นี้ส่งผลต่อความสามารถในการขัดเงา วัสดุแม่พิมพ์จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเลือกใช้หินขัดให้เหมาะสม

1.2 ความแข็งของวัสดุแม่พิมพ์

• ความแข็งต่ำกว่า 40 HRC ควรเลือกใช้หินขัดที่มีความแข็งสูง ๆ จะช่วยให้หินทนต่อการสึกหรอได้ดี เม็ดหินไม่หลุดออกง่าย ทำให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น
• ความแข็งสูงกว่า 45 HRC ให้เลือกเม็ดหินขัดที่แตกตัวได้ง่าย จะทำให้เม็ดหินขัดมีความคมอยู่เสมอ ทำให้ได้ผิวจากการขัดมีคุณภาพที่สม่ำเสมอ ขัดงานได้อย่างต่อเนื่อง และทำงานได้รวดเร็วขึ้น
• ในกรณีที่ต้องการขัดหยาบชิ้นงานแม่พิมพ์ก่อนนำชิ้นงานไปชุบแข็ง ให้ใช้หินขัดได้ถึงประมาณเบอร์ 300 ภายหลังการชุบแข็งจึงค่อยทำการขัดด้วยความละเอียดที่สูงขึ้น

1.3 ประเภทของผิวงานก่อนการขัด

• ผิว EDM ให้เริ่มด้วยหินขัดสำหรับงาน EDM โดยเฉพาะ ด้วยเบอร์ 120 หรือ 180 ขึ้นอยู่กับความหยาบของผิว EDM เพื่อลอกผิวแข็งของ EDM ออกก่อน จนหมดความแข็งของผิว EDM แล้ว ก็สามารถใช้หินขัด หรือวัสดุขัดที่เหมาะกับผิวงานประเภทนั้น ๆ
• ผิวงานกัด (Milling) แนะนำให้เริ่มต้น โดยใช้หินขัด ประมาณเบอร์ 200 ก่อน สำหรับผิวงานโดยทั่วไป
• ผิวงานเจีย (Grinding) แนะนำเริ่มต้นด้วยหินขัดประมาณ เบอร์ 300

1.4 รูปร่างของผิวขัด

• ผิวราบ ควรเลือกใช้หินที่มีความแข็งสูง จะทำให้รักษารูปทรงของหินและผิวงานได้ดีกว่าหินที่อ่อนกว่า
• ผิวโค้ง ให้เลือกใช้หินขัดเกรดอ่อน หินจะสึกหรอและปรับรูปทรงเข้ากับผิวหน้าแม่พิมพ์ได้ดีกว่าเกรดหินที่แข็งกว่า
• Rib หรือร่องเล็ก ๆ ให้ใช้หินขนาดเล็ก หรือ Super Stone ที่บางกว่าขนาดของร่อง จะเหมาะกับงานในลักษณะประเภทนี้

สำหรับบริเวณที่มีขนาดเล็กมาก ๆ หรือมีรายละเอียดของงานที่ขอบมุมล้มไม่ได้ เพราะจะสูญเสียความชัดเจนของงานไป ควรเลือกใช้หินขัดที่แข็งขึ้น จะช่วยให้เมื่อขัดงานแล้วจะสามารถรักษารายละเอียดของงานได้ดีอยู่ และไม่ทำลายบริเวณผิวขัดให้เสียหาย

1.5 ความละเอียดผิวสุดท้ายที่ต้องการ

เลือกได้จากเบอร์ของหินขัดของงานแต่ละประเภท โดยทั่วไปจะมีตั้งแต่เบอร์ 120- 3,000 ซึ่งก็สัมพันธ์กับความเรียบผิวที่ต้องการ

2. ประเภทของเม็ดหินที่นิยมใช้ในการขัดเงา

3. การเลือกใช้หินขัดเงาตามประเภทของงาน

3.1 งานขัด EDM

ผิวงานประเภทนี้จะมีความแข็งที่สูงมาก ๆ จากโครงสร้างของเหล็กที่เปลี่ยนแปลงไป ถ้าใช้หินขัดผิดประเภทเม็ดหินจะเกิดการสึกหรออย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลต่อความแม่นยำของงาน คุณภาพของผิวงาน และเวลาที่ใช้ในการขัดเงาเป็นอย่างมาก

3.2 ผิวงานทั่วไปสำหรับวัสดุเหล็ก

หินขัดประเภทนี้เป็นหินขัดที่ใช้งานได้ทั่วไป เหมาะกับเหล็กที่มีความแข็งต่ำกว่า 40 HRC มีเบอร์ให้เลือกใช้ตั้งแต่ 100-2,000 (งานหยาบ-เก็บละเอียด)

3.3 งานขัดสำหรับแม่พิมพ์พลาสติก

หินขัดในกลุ่มนี้จะเหมาะกับเหล็กแม่พิมพ์พลาสติกโดยเฉพาะ ความแข็งประมาณ 30-40 HRC ซึ่งตัวหินจะผสมผสานความแข็งของโครงสร้างหินและความคมให้เหมาะสม ส่วนผสมที่ใช้ในหินขัดยังช่วยลดปัญหาทางเคมี ที่อาจส่งผลต่อโครงสร้างของเหล็กและปัญหาในการขัดเงาแบบผิวกระจกลง

3.4 งานขัดสำหรับเหล็กชุบแข็งมากกว่า 45 HRC

หินขัดสำหรับวัสดุในกลุ่มนี้ต้องมีความคมและเม็ดหินมีความแข็งสูง แต่โครงสร้างเป็นหินขัดประเภทอ่อนที่เม็ดหินแตกตัวได้ดี ทำให้เกิดเม็ดหินใหม่ที่มีความคมอยู่เสมอ จึงช่วยขัดผิวงานออกได้ดี ลดความร้อนสะสมที่จะส่งผลทำให้ผิวขัดเกิดความเสียหาย เม็ดหินที่ใช้มีทั้งในกลุ่มอลูมินาและซิลิกอนคาร์ไบด์

3.5 งานขัดสำหรับวัสดุอะลูมิเนียม

วัสดุกลุ่มนี้จะนิ่ม ยืดตัวได้ดี อีกทั้งยังทำให้เกิดการอุดตันที่หน้าหินได้ง่ายถ้าใช้หินขัดเหล็กโดยทั่วไปมาขัดงาน หินขัดในกลุ่มนี้เป็นเกรดค่อนข้างอ่อน สามารถสร้างคมตัดใหม่ได้ง่าย ทำให้ช่วยขัดงานได้เร็วขึ้นและรักษาความเที่ยงตรงของผิวงานได้ดี

ตัวอย่างหินขัดสำหรับวัสดุอะลูมิเนียม (AAA ALU Stone)

3.6 งานขัดวัสดุที่มีความแข็งสูง ๆ หรือคาร์ไบด์

หินขัดจะเป็นวัสดุพวกซิลิกอนคาร์ไบด์ที่มีความแข็งสูง แตกตัวได้ง่าย และตัวโครงสร้างของหินเป็นเกรดที่ค่อนข้างอ่อน จึงทำให้รักษาความคมของเม็ดหินได้ต่อเนื่องในการขัด อีกทั้งหน้าหินยังปรับให้เข้ากับผิวขัดได้ง่าย

3.7 หินขัดสำหรับงานเก็บละเอียดหรือซ่อมแซมผิวที่เป็นรอยเสียหาย

หินลักษณะนี้โครงสร้างต้องมีความอ่อนเป็นพิเศษ ไม่ทำให้ผิวขัดข้างเคียงเกิดความเสียหายได้ง่าย เม็ดหินมีความคม ขัดเก็บหรือซ่อมรายละเอียดได้ดี สามารถนำไปใช้ได้งานซ่อมที่เกิดความเสียหายในการผลิต หรืองานขัดทั่วไป

3.8 งานขัดพื้นที่ขนาดใหญ่

จะใช้หินขัดแบบมีรูพรุนหรือมีโพรงอากาศขนาดใหญ่ หินขัดแบบนี้จะเหมาะการขัดงานพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่หรือมีเศษมาก จะช่วยเก็บเศษหรือน้ำมันขัดเอาไว้ในโพรงหินได้ง่าย ลดรอยเส้นที่เกิดจากสิ่งสกปรกได้ดี ส่งผลให้การขัดงานทำได้รวดเร็วและคุณภาพผิวขัดที่ดีขึ้น

3.9 งานขัดในร่องหรือรูเล็ก ๆ

วัสดุขัดในกลุ่มนี้จะเป็นเม็ดหินเซรามิกหรือ เรามักจะเรียกว่า Superstore มีโครงสร้างแข็งแต่ให้ตัวได้เล็กน้อย เม็ดหินมีขนาดเล็ก สามารถทำเป็นหินขัดบาง ๆ แท่งทรงกระบอกขนาดเล็กได้ มีความแข็งสูง เหมาะกับการขัดเก็บงานละเอียดเล็ก ๆ

4. วัสดุประสานของหิน (Bonding)

วัสดุประสานทำหน้าที่ในการจับยึดให้เม็ดหินเกาะกัน ส่งผลต่อแรงในการจับยึดไม่ให้เม็ดหินหลุดออกจากกันหรือความแข็งแรงโดยตรงต่อโครงสร้างของหิน วัสดุประสานจะมีหลายชนิดซึ่งมีความแข็งแรง การทนต่อความร้อน เคมีหรือน้ำมันในการทำงานแตกต่างกันไป ซึ่งส่งผลกับวิธีการทำงานและลักษณะการขัดหรือเจีย เมื่อนำมาใช้กับวัสดุที่แตกต่างกัน

5. โครงสร้างความแข็งของหินขัด

แสดงถึงความแข็งแรงของตัวประสานในการยึดเกาะเม็ดหิน เกรดที่สูงขึ้นจะมีความแข็งแรงในการยึดเกาะมากขึ้น และทำให้หินมีความแข็งแรงขึ้น โดยเกรด A จะมีความอ่อนที่สุด และ เกรด Z จะมีความแข็งของล้อหินสูงที่สุด เกรดหินที่อ่อนจะยอมให้เม็ดหินแตกตัวออกได้ง่ายกว่าเกรดที่แข็ง จึงสามารถสร้างคมตัดใหม่ ๆ ได้ดีกว่า

เกรดของหินจะส่งผลเป็นอย่างมากต่อความคมของหินในการตัดเฉือนวัสดุชิ้นงาน การเลือกใช้โดยทั่วไปถ้าวัสดุชิ้นงานที่มีความแข็ง ควรเลือกใช้เกรดหินที่มีความอ่อนขึ้น ถ้าวัสดุชิ้นงานมีความแข็งต่ำให้เลือกใช้เกรดหินที่มีความแข็งมากขึ้น

6. ชนิดของวัสดุงานที่เหมาะกับหินขัดแต่ละประเภท

7. ประโยชน์ของน้ำยาขัดเงาแม่พิมพ์

น้ำยาขัดเงาแม่พิมพ์จะช่วยไล่เศษวัสดุให้ออกไปจากหน้าสัมผัสระหว่างชิ้นงานกับหินขัด ทำให้ผิวงานมีความสะอาด ไม่เกิดสิ่งสกปรกอุดตันที่หน้าหินขัด จึงช่วยลดรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นบนผิวงาน น้ำยาขัดที่ดียังช่วยลดแรงขัดลง ช่วยระบายความร้อนที่เกิดจากการขัดผิว ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดการขัดที่มีประสิทธิภาพ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ได้ผิวงานที่เงาสวย และมีความเรียบผิวที่ต้องการ

น้ำยาขัดต้องไม่มีกลิ่นหรือมีกลิ่นที่ต่ำมาก และไม่มีผลเสียต่อผิวหนังของคน ซึ่งทั้งสองประเด็นจะส่งผลด้านสุขภาพของผู้ใช้งาน

บริษัท แฟ็คทอรี่ แม๊กซ์ เราเป็นผู้จำหน่าย-นำเข้า อุปกรณ์เครื่องมือขัดและตกแต่งชิ้นงาน หินเจียรแม่พิมพ์ อุปกรณ์เครื่องมือขัดตกแต่งชิ้นงาน หินขัดแม่พิพม์ ทุกแบบ ทุกขนาด หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการให้ทีมงานวิศวกรของเราเข้าไปสาธิตการทำงาน สามารถติดต่อเรา บริษัทแฟ็คทอรี่ แม๊กซ์ จำกัด ได้ที่เบอร์ 02-333-8888